สุขภาพและสิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทในทุกภาคธุรกิจ รวมทั้งในภาคการดูแลสุขภาพนั้นกำลังประสบภาวะถดถอย บริการด้านสุขภาพนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงขึ้นทุกปี ขณะที่ประชากรโลกมีอายุมากขึ้นและจำนวนผู้ป่วยก็มากขึ้นทุกวัน รวมทั้งการบริการสาธารณะสุขขั้นพื้นฐานไม่สามารถเข้าถึงประชากรได้ทั่วถึง ระบบ IoT จึงเป็นทางออกหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
ถึงแม้ว่า IoT จะไม่สามารถชะลอความชราหรือรักษาโรคได้ แต่ระบบดังกล่าวสามารถทำให้การให้บริการสาธารณสุขสามารถเข้าถึงผู้คนได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายที่สูงเกิดจากการวินิจฉัยโรคและกิจกรรมต่างๆมักเกิดขึ้นในโรงพยาบาล แต่เทคโนโลยี IoT สามารถลดกิจกรรมเหล่านั้นโดยให้การวินิจฉัยที่แม่นยำขณะที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาลและย้ายกิจวัตรการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลไปที่บ้านของผู้ป่วยแทน ในอนาคตที่เทคโนโลยี IoT สามารถประยุกต์ใช้ได้เต็มรูปแบบ คนไข้จะได้รับการรักษาที่ดีขึ้นและแพทย์ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ได้ เช่น หัวใจล้มเหลว เบาหวาน โรคหอบหืด เป็นต้น อุปกรณ์เซนเซอร์จะรวบรวมและถ่ายโอนข้อมูลด้านสุขภาพ เช่น ความดันโลหิต ออกซิเจนและระดับน้ำตาลในเลือด น้ำหนัก และคลื่นหัวใจ
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในคลาวด์และสามารถแบ่งปันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์ บริษัทประกันภัย บริษัทด้านสุขภาพ สถาบันสุขภาพที่เข้าร่วมหรือที่ปรึกษาทางสุขภาพ เพื่อให้พวกเขาดูข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ เพื่อประเมินถึงสุขภาพและสามารถออกแบบการดูแลเฉพาะบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังโรงพยาบาลหรือสถาบันต่างๆ
นอกจากนี้ เทคโนโลยี IoT ยังสามารถให้แพทย์สามารถติดามและแจ้งเตือนผู้รับบริการทางการแพทย์ได้โดยตรง เช่น แจ้งเตือนเมื่อมีสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต และและถ่ายโอนข้อมูลนั้นไปยังผู้เกี่ยวข้ออื่นๆได้ทันที