พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไปเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ IoT ท่องเที่ยววิถีใหม่ ในยุค IoT Disruption
image

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไปเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ IoT ท่องเที่ยววิถีใหม่ ในยุค IoT Disruption

การถือกำเนิดของโควิด-19 สร้างความสั่นสะเทือน ทิ้งรอยแผลให้กับภาคเศรษฐกิจและทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยามปกติผู้คนจากทั่วโลกสามารถเดินทางข้ามทวีปกันได้อย่างอิสระเสรี ในห้วงวิกฤตที่โรคอุบัติใหม่นี้ยังไม่สามารถถูกควบคุมให้สงบนิ่งได้ นักเดินทางและผู้ประกอบการสายท่องเที่ยวอาจมีคำถามว่า “พฤติกรรมการท่องเที่ยวในยุคหลังโควิดจะเปลี่ยนไปหรือไม่?” และ “เราต้องปรับตัวอย่างไรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้?”

IoT พลิกโฉมท่องเที่ยวยุคใหม่ สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น แม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศหรือภูมิภาคของตัวเอง แต่นับเป็นสัญญาณที่ดี เป็นแสงสว่างที่มองเห็นความหวังว่าอีกไม่ช้า ผู้คนจะสามารถไปไหนมาไหนได้เหมือนเดิม แต่จะว่าเหมือนเดิมก็คงจะไม่จริงทั้งหมด เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน IoT ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้วิถีชีวิตของผู้คน ทั้งด้านการงาน และชีวิตส่วนตัว

image

Brian Chesky ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ AirBnB ได้ให้สัมภาษณ์ BBC ว่าโควิดทำให้พฤติกรรมการทำงานของคนเปลี่ยนไป สามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ (Work from anywhere) ซึ่งส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน โดยบริษัทท่องเที่ยว Expedia ของสหรัฐอเมริกาได้ทำการสำรวจและพบว่านักท่องเที่ยวเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น และนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยยินดีที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้การเดินทางของตนเองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ด้าน Traveloka แอปพลิเคชันเพื่อการท่องเที่ยวชื่อดังของภูมิภาคนี้ได้ระบุถึงแนวโน้มใหม่ๆ อาทิ Touchless travel ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริการและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่างๆ ของการเดินทางเพื่อลดการสัมผัส และลดโอกาสการติดเชื้อ โดย Touchless travel สามารถนำมาใช้ได้หลากหลาย ทั้งการเช็คอิน ชำระเงิน ผ่านพิธีศุลกากร เปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ เปิดก๊อกน้ำ หรือ แม้กระทั่งการทิ้งขยะ เป็นต้น

ผมขอยกตัวอย่างเทคโนโลยี IoT Solutions ที่เครือข่าย Sigfox ร่วมกับ Luxury Brand อย่าง Louis Vuitton หรือ LV พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกให้กับชีวิตของนักเดินทาง

LV ได้แนะนำกระเป๋าเดินทาง Louis Vuitton Echo ออกสู่ตลาด ความน่าสนใจของกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้คือ มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ ที่สามารถติดตาม (Track) กระเป๋าได้ ถึงแม้คุณจะเดินทางข้ามประเทศ

image

อุปกรณ์เซ็นเซอร์ใน Louis Vuitton Echo ถูกพัฒนาขึ้นบนความร่วมมือของ LV กับ Sigfox โดยเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณและข้อมูลผ่านโครงข่าย 0G ของ Sigfox ที่ครอบคลุมกว่า 72 ประเทศทั่วโลก ช่วยให้เจ้าของกระเป๋าสามารถติดตามสถานะกระเป๋าได้ตลอดว่าอยู่จุดไหนของสนามบิน และอุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถแจ้งเตือนว่ากระเป๋าใบนี้ถูกเปิดออกก่อนมาถึงมือเจ้าของหรือไม่

นอกจากนี้ อุปกรณ์ติดตามสถานะจะเข้าสู่โหมด airplane อัตโนมัติ โดยจะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ ระหว่างการบินตามกฎรักษาความปลอดภัยในการบิน อีกหนึ่งจุดเด่นอยู่ที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 5 เดือนจากการชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง

การใช้งานอุปกรณ์ก็ไม่ซับซ้อนเพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน LV PASS บน Google Play และ App Store ยกเว้นประเทศจีนที่จะต้องดาวน์โหลดผ่าน App Store หรือ Tencent App Gem ก็จะสามารถ activate การเชื่อมต่อกับโครงข่าย 0G ของ Sigfox และติดตามสถานะกระเป๋าได้ทันที

ปัจจุบัน LV PASS ให้บริการไม่น้อยกว่า 10 ภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาเลียน โปรตุเกส จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และรัสเซีย

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่า IoT เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่สามารถนำไปใช้เพิ่มศักยภาพของธุรกิจได้ในทุกอุตสาหกรรม ช่วยยกระดับการให้บริการ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้การใช้ชีวิตมีความสมาร์ท ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมแฟชั่นที่เปิดกว้างนำ IoT มาช่วยพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้มากที่สุด ผมมองว่า ผู้บริหารองค์กร เจ้าของกิจการ ในทุกคลัสเตอร์จำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน ต้องมองข้ามช็อต ไม่หยุดอยู่แค่การสร้างแบรนด์หรือดีไซน์ แต่ต้อง add value ด้วยการใช้นวัตกรรมเป็นตัวหลักขับเคลื่อนด้วย

image

IoT ยังมีบทบาทอีกมากมายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนับจากนี้ ตัวอย่างเช่น

  • Temperature control for fever screening การวัดอุณหภูมิร่างกายของคน
  • Indoor occupation control การควบคุมจำนวนคนเข้าออกและความหนาแน่นของคนภายในอาคาร ซึ่งแน่นอนแม้การเดินทางยังมีหลายอย่างที่ทำให้เรากังวลถึงความเสี่ยง แต่ด้วยเทคโนโลยี IoT ช่วยให้เราสามารถควบคุมให้น้อยลงได้
  • Crowd and traffic tracking การติดตามคนและสิ่งของ และแม้กระทั่งตรวจสอบเส้นทางความหนาแน่นบนท้องถนนและการหาที่จอดรถ
  • Air Quality and pollution detection การตรวจวัดคุณภาพอากาศและมลพิษ ช่วยในการดูสถิติข้อมูล และ เพื่อการวางแผนการเดินทาง ให้แน่ใจว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวแต่ละครั้งไม่ต้องพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด
  • Water quality monitoring การตรวจวัดคุณภาพน้ำสำหรับพูลวิลล่า สปา หรือน้ำทะเลหน้าหาดที่พัก

ผมมองว่า ทุกธุรกิจต่างต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ เลือกลงทุนกับนวัตกรรมที่สามารถช่วยบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ และเพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คน การระบาดของโควิดถือเป็นการ Set zero ของหลาย ๆ ธุรกิจ การฟื้นตัวกลับมาครั้งนี้กระตุ้นให้หลายธุรกิจต้องเริ่มมองหาโซลูชันที่เหมาะกับการลงทุนและสร้างความยั่งยืนได้ในอนาคต

อ้างอิงแหล่งที่มา:

https://www.libelium.com/iot-solutions/smart-tourism/ https://www.bangkokbiznews.com/news/914778

เกี่ยวกับ Things on Net

บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด (TON) ผู้นำไอโอทีโซลูชันครบวงจรด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารชั้นนำระดับโลก ให้บริการครอบคลุมการให้คำปรึกษา การกำหนดกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านไอโอที รองรับการใช้งานอุปกรณ์และบริการ Internet of Things อย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มขีดความสามารถให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจตั้งแต่ B2B จนถึง B2C โดยยึดหลักการสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งการใช้ชีวิตของคนในสังคม และสิ่งแวดล้อม ติงส์ ออน เน็ต เป็นผู้ถือสิทธิ์การให้บริการโครงข่ายซิกฟอกส์ (Sigfox) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะไกลที่ใช้พลังงานในการรับส่งข้อมูลต่ำ (Low Power Wide Area Network: LPWAN) โดยมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 72 ประเทศทั่วโลก

ติงส์ ออน เน็ต ให้บริการทุกภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ด้วยโซลูชันและอุปกรณ์ไอโอทีคุณภาพสูงพร้อมใช้งาน อาทิ Smart City & Smart Building ระบบเมืองอัจฉริยะและอาคารอัจฉริยะที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย, Smart Farming การเกษตรอัจฉริยะ, Asset Tracking Management ระบบการติดตามสถานะสินทรัพย์ต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการจัดเก็บและขนย้าย, Safety and Environment System ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่องานด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยพิบัติ รวมถึงระบบ SOS ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน, Energy Saving ช่วยบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า, Facility Management การบริการ การจัดการระบบสาธารณูปโภค, Supply Chain / Cold Chain Management ระบบการบริหารจัดการการขนส่ง / ระบบตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้นสำหรับภาคการเกษตร ปศุสัตว์ ตลอดจนคลังสินค้า ตู้แช่สินค้า ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สินค้าคงคุณภาพความสดใหม่ ช่วยลดต้นทุนสูงสุดได้
วันนี้ Things on Net พร้อมให้บริการในหลายพื้นที่สำคัญเชิงธุรกิจ ในราคาเริ่มต้นเพียง 490 บาท/เดือน สนใจติดต่อ 02-091-1230

Things on Net ผู้นำ IoT Solutions ครบวงจรด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารชั้นนำระดับโลก #ThingsonNet #TON #IoT #IoTSolutions #0GNetwork #Technology #Sigfox


สอบถามข้อมูล IoT Solutions เพิ่มเติมได้ที่ Contact Center : 02-091-1230
Line ID : https://lin.ee/gAoJGrh Website : https://thingsonnet.net Facebook : www.facebook.com/ThingsonNet LinkedIn : www.linkedin.com/company/things-on-net YouTube : www.youtube.com/channel/UCUeo3GAjQdN_0FEUScln0kA